|
ช่วงเวลา วันลากพระ จะทำกันในวันออกพรรษา คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ โดยตกลงนัดหมายลากพระไปยังจุดศูนย์รวม วันรุ่งขึ้น แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ จึงลากพระกลับวัด
ความสำคัญ เป็นประเพณีทำบุญในวันออกพรรษา ปฏิบัติตามความเชื่อว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระมารดา เมื่อครบพรรษาจึงเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ พุทธศาสนิกชนไปรับเสด็จ แล้วอัญเชิญพระพุทธเจ้าประทับบนบุษบกแล้วแห่แหน พิธีกรรม ๑. การแต่งนมพระ นมพระ หมายถึงพนมพระเป็นพาหนะที่ใช้บรรทุกพระลาก นิยมทำ ๒ แบบ คือ ลากพระทางบก เรียกว่า นมพระ ลากพระทางน้ำ เรียกว่า "เรือพระ" นมพระสร้างเป็นร้านม้า มีไม้สองท่อนรองรับข้างล่าง ทำเป็นรูปพญานาค มีล้อ ๔ ล้ออยู่ใต้ตัวพญานาค ร้านม้าใช้ไม้ไผ่สานทำฝาผนัง ตกแต่งลวดลายระบายสีสวย รอบ ๆ ประดับด้วยผ้าแพรสี ธงริ้ว ธงสามชาย ธงราว ธงยืนห้อยระยาง ประดับต้นกล้วย ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้สดทำอุบะห้อยระย้า มีต้มห่อด้วยใบพ้อแขวนหน้านมพระ ตัวพญานาคประดับกระจกแวววาวสีสวย ข้าง ๆ นมพระแขวนโพน กลอง ระฆัง ฆ้อง ด้านหลังนมพระวางเก้าอี้ เป็นที่นั่งของพระสงฆ์ ยอดนมอยู่บนสุดของนมพระ ได้รับการแต่งอย่างบรรจงดูแลเป็นพิเศษ เพราะความสง่าได้สัดส่วนของนมพระขึ้นอยู่กับยอดนม ๒. การอัญเชิญพระลากขึ้นประดิษฐานบนนมพระ พระลาก คือพระพุทธรูปยืน แต่ที่นิยมคือ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ พุทธบริษัทจะสรงน้ำพระลากเปลี่ยนจีวร แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนนมพระ แล้วพระสงฆ์จะเทศนาเรื่องการเสด็จไปดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้า ตอนเช้ามืดในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ชาวบ้านจะมาตักบาตรหน้านมพระ เรียกว่า ตักบาตรหน้าล้อ เสร็จแล้วจึงอัญเชิญพระลากขึ้นประดิษฐานบนนมพระ ในตอนนี้บางวัดจะทำพิธีทางไสยศาสตร์เพื่อให้การลากพระราบรื่น ปลอดภัย ๓. การลากพระ ใช้เชือกแบ่งผูกเป็น ๒ สาย เป็นสายผู้หญิงและสายผู้ชาย โดยใช้โพน (ปืด) ฆ้อง ระฆัง เป็นเครื่องตีให้จังหวะเร้าใจในการลากพระ คนลากจะเบียดเสียดกันสนุกสนานและประสานเสียงร้องบทลากพระเพื่อผ่อนแรง ตัวอย่าง บทร้องที่ใช้ลากพระสร้อย : อี้สาระพา เฮโล เฮโล ไอ้ไหรกลมกลม หัวนมสาวสาว ไอ้ไหรยาวยาว สาวสาวชอบใจ
| |||||||||||||||||||||||||||
วิธีการเล่น
วิธีการเล่น เริ่มแสดงดนตรีโหมโรงเพื่อเร้าอารมณ์คนดู สมัยก่อนมีการไหว้ครูในกรณีที่มีการประชันกันระหว่างหมู่บ้าน หรืออาจมีหมอผีของแต่ละฝ่ายปัดรังควานไล่ผีคู่ต่อสู้ก็มี ปัจจุบันสู้กันด้วยศิลปคารมอย่างเดียว เมื่อลูกคู่โหมโรงต้นเสียงจะออกมาร้องทีละคน เริ่มด้วยวัตถุประสงค์ของการแสดง หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่เรื่องราว อาจจะเป็นเหตุการณ์บ้านเมือง หรือความรักของหนุ่มสาว หรือเรื่องตลก ในกรณีที่มีการประชัน หรือบางครั้งก็เป็นเรื่องราวการกระทบกระแทก เสียดสีกัน หรือหยิบปัญหาต่าง ๆ มากล่าวเพื่อให้ผู้ชมชื่นชอบในคารมและปฏิภาณ
โอกาสและเวลาที่เล่น
แต่เดิมนิยมแสดงในงานพิธีต่าง ๆ เช่น เข้าสุหนัต งานแต่งงาน (มาแกปูโล๊ะ) ปัจจุบันลิเกฮูลูยังแสดงในงานเทศกาลต่าง ๆ ร่วมกับมหรสพอื่น ๆ บางท้องที่ก็แสดงในงานพิธีสำคัญ เช่น พิธีถวายพระพรวันเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นต้น
คุณค่า แนวคิด สาระ
การแสดงลิเกฮูลูยังสามารถเผยแพร่รณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจถึงภัยร้ายของยาเสพติด ยาบ้า ปัญหาโรคเอดส์ ความสะอาดและอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ได้ทั้งความรู้และความสนุกสนาน
ภูมิปัญญาในด้านกีฬาการละเล่น |
กีฬาการละเล่น กีฬาการเล่นสนุกของชาวพื้นเมืองปักษ์ใต้ เดิมคงจะมีหลายอย่างต่อมาค่อยหดหายไปดังนั้น การประมวลองค์ความรู้เข้าด้วยกัน เพื่อให้เห็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นจึงมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ที่นำมากล่าวถึงไว้นี้ก็คัดเลือกเฉพาะที่สำคัญน่าสนใจ และสรุปย่อตามความเหมาะสม ผู้ที่ต้องการรายละเอียดพิสดารอาจดูได้ตามเชิงอรรถ และงานที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ในหนังสืออื่น
|
|
แข่งนกเขา เป็นนกเขาชวาหรือนกเขาเล็กนิยมเลี้ยงไว้ฟังเสียงขันที่ไพเราะ เพื่อความสุขใจเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาในสังคม หรือเลี้ยงไว้ดูเล่นยามว่างแก้รำคาญเป็นงานอดิเรกและถือเป็นสัตว์สิริมงคลนำโชคลาภมาให้ด้วย จึงนิยมเลี้ยงกันมากตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไป โดยเฉพาะทางสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด ไปทางไหนจะพบเสาสูงปักหน้าบ้านเพื่อชักรอกให้นกขึ้นไปผึ่งแสงแดดตอนเช้า และพ่นน้ำเสมอ มีการเพาะพันธุ์ขายส่งต่างประเทศ เกิดอุตสาหกรรมต่อกรงนกสวยงามราคาแพงจำหน่าย มีการจัดงานแข่งขันฟังเสียงทั้งระดับประเทศและนานาชาติเป็นประจำเกือบทุกปีที่จังหวัดยะลา นกที่แข่งขันชนะบ่อยจะมีราคาแพงมากบ้านของผู้มีอันจะกินมักจะต้องหานกเขาชวาเสียงดีๆ มาเลี้ยงไว้ประดับบ้าน เสียงนกเขาชวามี ๓ เสียง คือ เสียงใหญ่ เสียงกลาง และเสียงเล็ก นกที่ขันเสียงมีปลายหรือมีกังวานถือเป็นนกที่ดี การแข่งขันนกเขาชวาจะจัดทั้ง ๓ ประเภทเสียง และการพิจารณายังต้องดูคารมลีลาจังหวะการขัน เช่น ช้า เร็ว อีกด้วย
น้ำบูดู
“น้ำบูดู” เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาทะเล มีลักษณะเป็นน้ำข้นพอควรใช้ เป็นเครื่องปรุงรสอาหารหรือเครื่องจิ้ม คล้ายน้ำปลา ใช้ปรุงรสเป็นเครื่องจิ้มเช่นเดียวกับน้ำพริก สำหรับประเทศไทย จากการรับเอาแบบอย่างจากชาวอินโดนีเซียทำให้ ชาวปะเสยะวอ มีการดัดแปลงปรับปรุงวิธีการผลิต“น้ำบูดู” เนื่องจากสภาพพื้นที่ประกอบกับวัตถุดิบ มีจำนวนมาก นำมาใช้บริโภค จำหน่าย แล้วยังเหลือจึงเก็บหมักดองไว้ในภาชนะ แล้วนำออกมาบริโภคและแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไป จากการทำไว้เพื่อบริโภคในครัวเรือน แจก ให้แก่เพื่อนบ้าน แลกเปลี่ยน มาจำหน่ายให้กับคนในชุมชน และนอกชุมชนซึ่งต่อมาได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนปลาที่ใช้หมักดองเป็น”ปลากะตัก”เนื่องจากมีรสชาติ ดีกว่า
|
ภูมิปัญญาในด้านสิ่งของเครื่องใช้พื้นบ้าน |
สิ่งของเครื่องใช้พื้นบ้าน สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ บรรดามีที่คนพื้นบ้านพื้นเมืองภาคใต้ ใช้สอยตามวิถีชีวิตในพื้นถิ่น (Folklore or Folklife) ประจำวันนั้นมีมากเช่นเดียวกับคนในภูมิภาคอื่น แต่อาจจะมีรูปแบบแตกต่างกันบ้างตามอิทธิพลสิ่งแวดล้อม และวัตถุสิ่งของเหล่านั้นก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ชาวบ้านคิดทำขึ้นใช้เองด้วยฝีมือ ความเรียบง่าย ตามวัตถุประสงค์ ประโยชน์ใช้สอยอยู่บนพื้นฐานของอาชีพ สังคม วัฒนธรรม และภูมิปัญญา ลางอย่างก็มีลักษณะผสมผสานระหว่างความเป็นศิลปะและความเป็นหัตถกรรม นอกจากนี้ยังมีการรับถ่ายทอดอิทธิพลระหว่างกันกับประชานในภูมิภาคอื่นด้วย ดังนั้นคุณค่าความงาม ความโดดเด่น นอกจากทักษะ/ฝีมือประสบการณ์ ลักษณะงานการใช้สอยแล้วยังขึ้นกับวัสดุพื้นถิ่นธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และขนบธรรมเนียมประเพณีนิยมเป็นองค์ประกอบด้วย ส่วนการอนุรักษ์ (Preservation) วัฒนธรรมพื้นบ้านประเพณี ก็ขึ้นกับองค์ประกอบปัจจัยหลายอย่าง เช่น วัสดุ รูปแบบ ประโยชน์ใช้สอย คุณค่า ความจำเป็น ฯลฯ จะพอใช้สอยเท้าเหยียบย่ำซ้ำรอยเดิมอยู่ร่ำไปคงไม่ได้ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนบ้างตามเหตุผล ความเหมาะสม แต่ส่วนที่เป็นสารัตถะหรือ แกนเอกลักษณ์อันเป็นหัวใจหลักของโครงสร้างจำเป็นต้องคงรูปรักษาไว้ คือ จิตวิญญาณลักษณะท่าทางของพื้นบ้านพื้นเมืองจะต้องแสดงให้เห็นได้ตลอดไป และควรจะได้ส่งเสริมให้พัฒนาเจริญเติบโตที่เน้นนวัตกรรม โดยการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ออกมาให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย เครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นของพื้นบ้านที่ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ชาวประมง หรือประชาชนพลเมืองทั่วไปใช้สอยในชีวิตประจำวัน ที่จะขอนำมากล่าวถึงนี้เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อประกอบการศึกษาเปรียบเทียบเท่านั้น
|
ผ้าคลุมผมสตรีปักจักร |
ผ้าคลุมผม (ฮีญาบ) เป็นเครื่องแต่งกายที่ใช้กันเป็นประจำในชีวิตประจำวันของสตรีมุสลีมะห์ทุกคนที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งผ้าคลุมผมเป็นสิ่งที่สตรีมุสลิมขาดไม่ได้ ในพื้นที่ชายแดนใต้ เป็นพื้นที่อาศัยของชุมชนมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ งานฝีมือด้านการปักจักรเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่ถ่ายทอดกันมา คนในชุมชนจึงมีแนวคิดรวมกลุ่มสตรีในชุมชน เพื่อรักษาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยการจัดตั้งกลุ่มสตรีดาหลา ปักผ้าคลุมผม เสื้อสตรีมุสลิมปักลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของสตรีมุสลิม ฝีมืองานด้านการปักจักรของกลุ่มสตรีดาหลา มีลวดลายที่สวยงามประณีตเป็นที่ต้องการของลูกค้า เนื่องจากได้ผ่านงานด้านการปักจักรมานาน มีความชำนาญด้านการปักจักรมานานกว่า 20 ปี กลุ่มสตรีดาหลาเริ่มจัดตั้ง เมื่อปี ๒๕๔๗ และได้รับการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้รับคัดสรรผลิตภัณฑ์ ระดับ ๕ ดาว ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นที่นิยมของตลาด เช่น ผ้าคลุมผม เสื้อสตรีมุสลิมปักลาย ผ้าละหมาด เป็นต้น
กริช
กริชรามัน จัดอยู่ในกริชสกุลช่างปัตตานี เรียกว่า กริชตะยง หรือ กริชจอแต็ง รูปลักษณ์ของด้ามกริชมองดูผิวเผินด้ามกริชจะมีจมูกยาวแหลมคล้ายปากนกกระเต็น รูปลักษณ์ที่แท้จริงคือ ยักษ์ในตัววายัง หรือตัวหนังของชวาที่เคยเข้ามามีอิทธิพลในศิลปกรรมท้องถิ่นของเมืองปัตตานีในอดีต กริชชนิดนี้มีใช้กัน ตั้งแต่พื้นที่ในจังหวัดสงขลาตอนใต้ลงไป
ส่วนกริชของจังหวัดยะลามีชื่อและประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน คือ กริชเมืองรามันเมื่อประมาณ ๒๐๐ - ๓๐๐ ปีก่อน เจ้าเมืองรามัน หรืออำเภอรามัน จังหวัดยะลา ในปัจจุบัน ประสงค์จะให้มีกริช เป็นอาวุธคู่บ้านคู่เมือง และต้องการมีกริชประจำตัวด้วยถึงกับเชิญช่างผู้ชำนาญการจากประเทศอินโดนีเซีย มีชื่อว่า ปาแนซาระห์ (ปาแน แปลว่า ช่าง ซาระห์ เป็นชื่อที่เจ้าเมืองตั้งให้) มาทำกริชที่เมืองรามันในรูปแบบปัตตานีและรูปแบบรามัน ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ จนกริชรูปแบบนี้ถูกเรียกขานในท้องถิ่นว่า กริชรูปแบบปาแนซาระห์ ตามชื่อของช่างทำกริชชาวชวา
ตั้งแต่นั้นมา จึงมีการสืบทอดการทำกริช ในพื้นที่เมืองรามัน โดยเฉพาะที่ตำบลตะโละหะลอ มาหลายชั่วอายุคนจวบจนปัจจุบัน กริชที่เมืองรามันนิยมทำเป็นหัวนกพังกะมากกว่าชนิดอื่น นกพังกะ คือนกที่มีปีกและตัวสีเขียวปากยาวสีแดงอมเหลือง คอขาวบ้างแดงบ้าง
นอกจากนี้ยังทำเป็นหัวรูปไก่ หัวงูจงอาง และรูปคน ส่วนใหญ่สลักด้วยไม้หรือกระดูกปลา กริชมีหลายรูปแบบ เช่น กริชแบบกลุ่มบาหลีและมดูรา กริชแบบชวา กริชแบบคาบสมุทรตอนเหนือ กริชแบบบูฆิส กริชแบบสุมาตรา กริชแบบปัตตานี กริชแบบซุนดาหรือซุนดัง และกริชแบบสกุลช่างสงขลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น